ในตัวเราเอง

เมื่อถึงเวลา ไป

ห่างหาย เงียบไป นาน ผมไม่ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนในเว็บ ไทยซีเอสเอส ตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน บางวัน ผมไม่ได้เปิดเข้ามาหน้าเว็บเลย ทั้งๆ ที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตลอดเวลา

เมื่อมีการมา การจากไปจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ลักษณะแห่งการงานที่เปลี่ยนไป ชีวิตส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผมต้องคิดหนักในหลายๆ เรื่อง ซึ่งดำเนินมาถึงความยากแห่งการตัดสินใจ

ผมไม่ได้มีงานประจำทำ ชีวิตวันๆ นั่งจมอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในห้อง เล็ก แคบ และเสียงดังซะเป็นส่วนใหญ่ แถมยังใช้ชีวิตในแต่ละห้วงวันไม่ค่อยเป็นระบบ ระเบียบ การนอนไม่เป็นเวลา กินไม่เป็นเวลา บางครั้ง ทำให้ร่างกายขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

ผมพยายามปรับใหม่ให้เข้าที่เข้าทางได้มากที่สุด แต่มันก็ยังเป็นแค่เพียงการปรับ หรือ กำลังปรับ ไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

เงียบงัน ถึงบ้าน

  • สุขใด มีตามอัตภาพบ้าง ก็ดี
  • พร ใด พึงได้ รับเอา
  • อัน ใด เลือกได้ มุ่งไป
  • ทะ นงไว้ ในใจ เพื่อนเอย

กล่อง และกรอบ

อยากจะนอกกรอบหวะ

ผมมีเรื่องตลกเรื่องนึงจะเล่าให้ฟังครับ เรื่องการอยู่ในกรอบ หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของอะไรบางอย่าง

หลายๆ คนคงคุ้นๆ กับการ “คิดนอกกรอบ” หรือ “คิดอย่างเป็นอิสระ” พูดมันง่ายครับแต่ชีวิตจริงๆ มันทำยาก เพราะการอยู่ในสังคม มันก็มีกรอบแห่งวัฒนธรรม และประเพณีที่สืบทอดกันมา เพื่อให้ยึดถือปฏิบัติ แหวกมาไปเขาก็หาว่า “ผิดผี”

เรื่องมันมีอยู่ว่า

มีน้องคนหนึ่งได้เพิ่มชื่อจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ ของผมเข้าไปในรายชื่อโปรแกรมสนทนาชื่อดัง ขึ้นต้นด้วยอักษร “W” เขาบอกว่าอยากจะเขียน CSS เป็น อยากทำเว็บแบบ Tableless Design อันดับแรกต้องทำอย่างไร

เมื่อผมกลับมาเริ่มทำงานประจำ

หลังจากที่ห่างหายกับงานตอกบัตรไปกว่าเก้าเดือน ผมก็กลับเข้าสู่วังวนของการทำงานประจำอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าการทำงานเป็นฟรีแลนซ์ไม่ดี หรือได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ในทางตรงกันข้าม ในช่วงเวลาที่ผมทำงานในระบบและรูปแบบที่เขาเรียกกันว่า ฟรีแลนซ์ อยู่นั้น ค่าตอบแทนเมื่อแลกกับแรงงานที่ทำลงไปแล้วเรียกได้ว่าเกินคุ้ม

แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมไม่เหมาะกับงานที่ต้องดูแล บริหารจัดการตัวเอง และงานไปพร้อมๆ กัน เพราะผมสรุปตัวผมเองแล้วว่า ผมไม่สามารถจัดการหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างให้ลงตัว และเดินไปด้วยกันได้อย่างราบรื่นอย่าง นั้นมากกว่า จนเกิดความเสียหายกับงานของผู้อื่นตามมาด้วย จึงจำเป็นต้องยุติตัวเองไป พร้อมทิ้งความเลวร้ายไว้ข้างหลัง พอให้คนเขานินทาเล่นๆ และจะได้ไม่ต้องคาดหวังอะไรกับตัวผมมากไปกว่าสิ่งที่เขาเห็นอีกต่อไป

กลัว

ทำไมมันไม่คุยวะ หยิ่งว่ะ ไอ้นี่ แล้วมันจะเอา อีเมลล์มันมาเปิดเผย ให้คนเขา add เข้ามาคุยด้วยทำไม?? คำถามเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นกับบางคนที่เอาอีเมลล์ เอ็มเอสเอ็นของผม เข้าไปไว้ในลิสต์ แล้วเห็นผมออนไลน์ ตลอดเวลา

แต่ผมกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในสังคมมากกว่า มันไม่ใช่กลัวมานาน แต่มันเริ่มก่อตัว หรืออีกฝั่งหนึ่งกลัวการพูดคุยกับคนหน้าแปลกอย่างผมหรืออย่างไร

“อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก” คำนี้ ครูบาอาจารย์ พร่ำสอนมาแต่ไหนแต่ไร เราเองจำได้ขึ้นใจ แต่บางที คนอื่นเขาไม่เห็นจะจำแบบเราบ้าง

คืนฝนพรำ

ผมนั่งนิ่งๆ ในแท๊กซี่ ระหว่างเดินทางไปทำงาน มาสองสามวันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องปกติ ที่ผมต้องนั่งนิ่งๆ ขณะเดินทาง อย่างน้อยผมก็ต้องมีหนังสืออ่าน แต่ สองสามวันที่ผ่านมา มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ผมนั่งเรื่อยๆ เอื่อยๆ มองดูรถรา และท้องถนนมากกว่า อาจจะเป็นเพราะหลายวันมานี่ กรุงเทพฯ ไม่มีแดดให้เห็น ก็เลยรู้สึกแปลกไป

ขณะที่ผมนั่งเขียนอยู่นี่ก็ตีสามแล้วยังได้ยินเสียงเม็ดฝนพรำ จากด้านนอกห้อง

ช่วงนี้มีอะไรแปลกไปหลายอย่างสำหรับตัวผม

เรื่องใหญ่สุดๆ คงหนีไม่พ้นการเพิ่มน้ำหนัก ใช่ครับ เพิ่มน้ำหนัก

Back to Top