พร อันทะ

หมวกกันน็อค กับการพัฒนาเรื่อยๆ ของไทย

วันนี้ผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับหมวกกันน๊อค ของนายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัยที่เผยแพร่ในเว็บไซท์มติชนออนไลน์ เรื่อง “10 ความเชื่อผิดๆ ไม่สวมหมวกกันน็อค” แล้วก็รู้สึกสะท้อนใจ กับความจริงของวินัยของคนในประเทศชาตินี้เสียจริงๆ

ถ้าเป็นสมัยก่อน เด็กต่างจังหวัดอย่างผม ที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคก็เพียงเพราะมีความ “คิดผิดๆ” ว่าการที่ขี่มอไซค์โดยที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคโดยที่คนอื่นเห็นหน้าชัดๆ นั้นมันเท่กว่า ขับขี่แล้วใส่หมวกกันน็อค หรืออาจโชว์โง่ที่ว่า ตัวเองมีมอไซค์ขี่ ว่างั้น

แต่มันไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ เห่อหมอยอย่างเดียวนั่นสิครับที่เป็น ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้าน พี่ป้า น้า อา ก็เป็นกันทั้งนั้น บิดกันมันส์โดยไม่ใส่หมวก

สารคามแดนฝัน

พร อันทะ ไปสอนพิเศษ

ช่วงนี้ หมายถึงช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2554 ข่าวรับน้องมาแรงอีกคำรบ ที่สำคัญมีข่าวคราวจากสถาบันแดนฝันของกระผมขึ้นหน้าหนึ่งเสียด้วย

รุ่นน้องประท้วงรุ่นพี่จากการประชุมเชียร์ อันโหดร้าย ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนี้ผมไม่รู้เป็นยังไง แต่สมัยที่ผมเข้าเรียน ที่สารคาม มมส. เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา ผมถือว่ากิจกรรมรับน้องเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบ ไม่อยากเข้าและแอบหนีไปเตะบอลที่สนามโรงเรียนบ้านท่าขอนยาง บ่อยๆ (เตะใน มอ ไม่ได้เดี๋ยวพวกรุ่นพี่เห็น โรงเรียนบ้านท่าขอนยางก็อยู่ใกล้ๆ กันและอาจจะถูก มอ ข้างๆ อมสักวัน) หรือนอนอ่านหนังสือในห้อง เพราะคิดว่าสองอย่างนี้น่าจะมีประโยชน์กว่าการไป วิดพื้น 100 ครั้ง วิ่งจัดแถวให้ได้ภายใน 5 วิ กระโดดกบขึ้นลงบันได หรืออะไรก็ตามที่คนปกติเขาไม่ค่อยทำกันแต่พี่ว๊ากกกกก จัดหามาให้ ด้วยเหตุผลคลาสสิค “เพื่อความสามัคคี สมานฉันท์” แต่ยิ่งทำแม่มยิ่งแตกแยก

บางทีอาจจะมี การเยิ้บแก้กรรมน้องๆ สัก 2 ดอก ตามมาเหมือนที่แม่ชีบางท่านว่าก็ ไม่รู้

การกระทำ ศรัทธา ความจริงและความจริงใจ

อยากรู้จริงๆ มีเงินมากๆ มีที่ทางมากๆ ถ้าเกิดสงครามแล้วโลกมันไม่น่าอยู่ มันจะหอบข้าวของหนีไปอยู่ดวงจันทร์หรืออย่างไร อย่าลืมเอาลูกหลานไปด้วย ลูกๆ ที่เขาเหล่านั้นไม่ได้ขอเกิด แต่พ่อแม่ดันอยากมีอยากเลี้ยง

บางทีผมก็อยากคิดค้าน ในหลายๆ ด้าน หลายๆ เรื่องราว หรืออาจเป็นเพราะผมเชื่อ ในระบบการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตมากเกินไป

อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาบางคน คิดว่า “หมีแพนด้า ควรจะสูญพันธุ์ไปได้แล้ว” มนุษย์ ไม่ควรเข้าไปแทรกแทรงมากเกินไป ทำให้เราสูญเสียทรัพยากรส่วนอื่นเพื่อนำมาทดแทนการคงอยู่ของแพนด้า

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่มนุษย์ ได้เสือกยื่นมือเข้าไปแทรกแซง มันก็ไม่ได้ต่างกับ ธรรมชาติ กำลังดูแลธรรมชาติ ด้วยตัวของมันเองเพราะ มนุษย์คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ นอกจากจะมีคนคิดว่า เราเดินทางมาจากดาวดวงอื่นเมื่อ 11 ล้านปีที่ผ่านมา แดกทรัพยากรณ์ในดาวดวงนี้ให้หมด แล้วเดินทางล่าอาณานิคมต่อ พวกที่ไม่ไป ก็ไปอยู่นิคมสร้างตนเอง

[audio:http://pornantha.com/audio/forgot.mp3]

ค่อยๆ ไป ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ เข็ญ ค่อยๆ ตาย

ครึ่งหนึ่งของชีวิต เราประมาณกันไว้ด้วยอายุประมาณเท่าไหร่ 20 ปี สามสิบปี สี่สิบปี ห้าสิบปี อันหลังนี้ออกจะยืนยาว นั่งยาวไปหน่อย คำตอบนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน การประมาณกับความแม่นยำมันไม่ค่อยเข้ากันอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้อีก

อันนี้น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดคำว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” แต่ ที่สุดของเรา กับ “ที่สุดของแจ้” ก็คงไม่เหมือนกันอีก แล้วมันจะสุดตรงไหน

นั่นสิ มันจะสุดที่ตรงไหน

เอาเป็นว่าใช้ชีวิตเรื่อยๆ แบบไม่เบียดเบียนใครก็แล้วกันน่าจะเข้าท่ากว่า อยากเข้าท่ากว่านี้ ก็ไปขับเรือจะได้เข้าท่าทุกวันกันไป..เอ่อ… หนองบัวลำภู

เมื่อก่อนย้อนไปไม่นาน ความคึกคะนองของกระทิงหนุ่ม ช่างมีมากเหลือเกิน ดีบ้าง อะไรบ้าง ก็ว่ากันไป แต่ที่ผมได้มาก็น่าจะเป็นไปในทางดี

มันไม่ได้ผิดไปจากที่ “ผู้ใหญ่” เขาว่า นี่ขนาดแค่ผู้ใหญ่นะ ถ้าระดับกำนันจะขะไหนหนาด

บางอย่าง บางเรื่องราว บางเวลา

จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นอนอ่านหนังสื่อ เรื่อยๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จิบเบียร์เย็นๆ ง่วงก็งีบหลับ ตื่นมาก็ออกไปหาอะไรเข้าท้อง

ผมตั้งคำถามนี้กับตัวเอง แล้วก็อยากหาคำตอบให้กับคำถามที่เพิ่งตั้งขึ้นมานั้นเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากจะลองตอบคำถามของตัวเองดู เริ่มจาก การตั้งคำถามย้อน คำถามอีกครัั้ง

เช่น แน่ใจหรือไม่ว่าการนอนอ่านหนังสือในวันหยุดนั้นเป็นสิ่งดีที่สุดแล้วที่เราสามารถทำได้ในทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่ สิ่งที่ดีกว่านี้ที่สามารถทำได้ คืออะไร และทำไมไม่ลงมือทำ

แค่คำถามเดียวผมก็เกิดอาการเบื่อหน่ายที่จะแสวงหาคำตอบให้กับคำถามที่ซ้อนคำถาม ที่ยอกย้อนอยู่ในสมองของตัวเองเสียแล้ว

ชีวิต ในความเป็นไป

หลังจากที่ร้างลา ห่างหาย หลบเร้น ซ่อนลวง ไปนานหลายชั่วยาม ชีวิตที่มันดำเนินไป โดยสะดวก และไม่สะดวก ก็ได้พบคำตอบที่ค่อยๆ เปิดออกมาให้เห็น ว่าความเป็นจริงแล้ว เรากำลังดำเนินไป อย่างไร เพื่ออะไร และทำไม ซึ่งอันความยุ่งยากที่เราได้พานพบนั้น หากเข้าใจ จริงจังแล้ว มันจักใช่อยากยุ่งมายมากอย่างคิดไว้ไม่

อย่างที่ผู้รู้เขาบอกไว้ว่า ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำไป สิ่งใดที่มุ่งหวัง จักเกิดผล ไม่เสร็จวันนี้ ก็เสร็จพรุ่งนี้ ไม่เสร็จพรุ่งนี้ ก็เสร็จในวันต่อๆ ไป และหากว่าไม่เสร็จเลยไซร้ มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง ประมาณได้ว่า สิ่งนั้นที่มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาเพื่อความไม่เสร็จสมบูรณ์ เกิดขึ้นมาเพื่อทำให้คนรู้ไม่เท่าทัน หงุดหงิดงุ่นง่าน กว่าจะรู้ว่า “ช่างมัน” เราก็เสียเวลา โอกาส ไปมากโข

Back to Top